โครงการของเรา
2566 - ปัจจุบัน
โครงการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กนักเรียน: พอกันทีกรูมมิ่ง (Train-the-Trainer) หลักสูตรสำหรับวิทยากร
วัตถุประสงค์
เพื่อฝึกฝนกลุ่มวิทยากรนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย ที่มีทักษะและความรู้ความเข้าใจเรื่องภัยกรูมมิ่ง (Grooming) ผ่านคู่มือการจัดอบรม หลักสูตรป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กนักเรียน: “พอกันที กรูมมิ่ง” โดยคู่มือในหลักสูตรสามารถนำไปเผยแพร่ให้เกิดความตระหนัก รู้ทัน ป้องกันและรับมือได้อย่างประสิทธิภาพ และสร้างโครงการต่อยอดหลังการอบรม (School project) โดยกลุ่มวิทยากรนำไปเผยแพร่ในพื้นที่ด้วยตนเอง ผ่านการสนับสนุนจากมูลนิธิศานติวัฒนธรรม
หัวใจของโครงการ “ให้เด็กไปพูดกับเด็ก”
จากการสำรวจสถานการณ์เด็กกับภัยออนไลน์ ประจำปี 2565 (จากเด็กอายุ 9-18 ปี จำนวน 31,965 คน) โดยมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ร่วมกับ COPAT พบว่า เด็กที่ถูกล่อลวงเพื่อล่วงละเมิดทางเพศออนไลน์ (Online Grooming) ร้อยละ 35 เลือกที่จะบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ "เพื่อน" ที่ไว้ใจ ก่อนที่จะบอกพ่อแม่ ครอบครัว หรือผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ดังนั้น การสนับสนุนให้ "เด็กไปพูดกับเด็ก" จึงมีความสำคัญมากที่เด็กและเยาวชนต้องเข้าใจเรื่องกรูมมิ่ง มีทักษะในการส่งต่อความรู้ แบบ Peer advocacy รวมถึงช่องทางในการขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ความคืบหน้า
ขณะนี้ (พ.ศ.2567) มูลนิธิศานติวัฒนธรรมได้ดำเนินการอบรมเพื่อสร้างวิทยากรนักเรียนแล้ว 11 รุ่น นับเป็นจำนวนกว่า 440 คน ทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพ และ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น Thailand Rotary Action Group Against Slavery Team (TRAGAST) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ กรมกิจการเด็กและเยาวชน องค์กรยูนิเซฟ ประเทศไทย รวมถึงมหาวิทยาลัย โรงเรียนและหน่วยงานที่ให้ความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้เรื่อง "กรูมมิ่ง" อีกมากมาย
เรายังคงเดินหน้าต่อเพื่อสร้างวิทยากรนักเรียน หลักสูตร "พอกันทีกรูมมิ่ง" ให้เกิดการเผยแพร่ความรู้ออกสู่ทุกพื้นที่ของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านสามารถสนับสนุนการทำงานของเราได้ ที่นี่
2565 - ปัจจุบัน
การอบรมเชิงปฏิบัติการ “พอกันที กรูมมิ่ง” สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
วัตถุประสงค์
เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับ “กรูมมิ่ง” และลักษณะขั้นตอนของพฤติกรรม กระทั่งเกิดความตระหนักรู้และเท่าทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เพื่อแสวงหาแนวทางและสร้างความร่วมมือในการป้องกันการกรูมมิ่งที่ได้ผล
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเผยแพร่ความรู้เรื่องกรูมมิ่งไปยังพื้นที่รอบตัว
เพื่อเสริมทักษะการจัดการกับปัญหาในรูปแบบแห่งสันติ ปราศจากความรุนแรง
ความคืบหน้า
เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ปัจจุบัน (2567) มีเด็กนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายที่เข้าร่วมโครงการกว่า 1,400 คน จาก 17 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เรายังคงดำเนินการต่อเนื่องเพื่อขยายความรู้เกี่ยวกับกรูมมิ่งเข้าสู่พื้นที่โรงเรียนให้มากที่สุด ท่านสามารถสนับสนุนการทำงานของเราได้ ที่นี่
ลักษณะการอบรม
การอบรม “พอกันที กรูมมิ่ง” เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ ที่เรียนรู้ผ่านการร่วมกิจกรรมโดยบูรณาการเนื้อหาเกี่ยวกับภัยกรูมมิ่งเข้ากับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน ซึ่งได้ปรับเนื้อหาออกเป็น 2 หลักสูตร คือระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายเพื่อให้ผู้เข้าร่วมซึ่งเป็นเด็กนักเรียนระดับมัธยม สามารถเข้าใจเนื้อหาได้ดีมากยิ่งขึ้น กระทั่งสร้างความตระหนักและเท่าทันต่อการกรูมมิ่งในพื้นที่รอบตัวและในโลกออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลการตอบรับอย่างดียิ่ง มีผลการประเมินกิจกรรมหลังการเข้าร่วมในระดับดีมากในทุกประเด็น มีข้อมูลภาคสนามที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดำเนินการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้เข้าถึงนักเรียนรายกรณีที่กำลังประสบเหตุ สามารถให้ความช่วยเหลือ และดำเนินการร่วมกับภาครัฐได้อย่างทันท่วงที
2553 - 2556
Cultivating Sustainable Peace Culture in School
This project is funded by Global Grant from Rotary International via Rotary of Bangkok.
Objectives
This three-year project focuses on cultivating prosocial attitudes, values and behavior in a small elementary school in a rural area of Chiang Mai, Thailand. Students are encouraged to develop positive aspects of their character with the support of their parents and teachers. Through the program, a culture of peace will be fostered, where people treat one another with respect and kindness and are ready to help rather than to take advantage of others.
It is highly likely that after three years the values of non-violence and peaceful co-existence will become a strong characteristic of the school. Following final evaluation, scaling up the project to other schools and institutions is forseeable.
Background
Research studies show that human tendency towards violence and aggression is largely ‘learned’ through modeling, witnessing, and being subjected to forms of violence. Children growing up with repeated exposure to violence and aggression tend to absorb such values and pass them on in their relationships and interactions with others. As they enter young adulthood, start their own family, and raise their children the vicious cycle gets perpetuated. This in known among mental health professionals as ‘intergenerational transmission of violence and trauma’.
When enough people in a given community hold such beliefs and values, the dominant culture is one where the use of violence and aggression is viewed as justifiable and accepted. It can be manifest in forms of harsh discipline by parents and teachers, the use of violence to resolve conflicts, bullying behavior, abuse and sexual assault. Violence in society may range from interpersonal violence to collective violence such as war, colonialism, slavery, systematic labor and economic exploitation and human trafficking, ethnic cleansing or genocide, and even violence towards the environment.
Structure
Program initiatives and training programs aim to eliminate violence from the school; cultivate peace culture; and train future leaders. Initiatives include:
Baseline assessment of school status quo on violence;
Trainings for parents and teachers on eliminating punishment and bullying through positive discipline, interpersonal violence prevention, and bullying prevention;
Trainings for students on peer mediation and conflict resolution skills;
Establishment of a mediation center in the school;
Training workshops on peace building;
Trainings for student leaders and teachers to become facilitators to maintain the program beyond the project period;
Final evaluation.
Beneficiaries
Students, parents and teachers at a small elementary school in a rural area of Chiang Mai. Most of the students, ranging in age from kindergarten to grade six, are from Shan migrant worker families with low income. As a whole-school program, beneficiary stakeholders include:
180 students
360 parents
14 teachers
10 school board members who are community leaders
Community members and local government officials who may learn from the project